ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ. การพัฒนาระบบพรรคการเมืองเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย. เอกสารวิจัยส่วนบุคคล วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, 2533.
วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๓.๐๐ น.
ความรู้สึกเมินห่างทางการเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2528. วรเจตน์ ภาคีรัตน์ (ซ้าย) กับ รศ.ดร. ฉลอง สุนทราวาณิชย์ วิจารณ์การผลักดันร่างกฎหมายข้อมูลข่าวสารฯ ฉบับใหม่ของรัฐบาล ในเวทีเสวนา “เสรีภาพทางวิชาการในสภาวะถดถอย” ที่ มธ.
ใน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ปี 2540 ระบุเหตุผลของการมีกฎหมายนี้ไว้ว่า “ในระบอบประชาธิปไตย การให้ประชาชนมีโอกาสกว้างขวางในการได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่ประชาชนจะสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับความเป็นจริง อันเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นรัฐบาลโดยประชาชนมากยิ่งขึ้น สมควรกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารของราชการ…” นอกจากแกนนำราษฎรชุดนี้ ยังมีแนวร่วมราษฎรตกเป็นผู้ต้องหา/จำเลย คดี 112 และต้องสูญเสียอิสรภาพในระหว่างการต่อสู้คดี ซ้ำบางส่วนยังกลายเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในเรือนจำ โดยปรากฏชื่อนายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือที่รู้จักในนาม “จัสติน” ผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นผู้ป่วยยืนยันรายแรกตามการเปิดเผยของกรมราชทัณฑ์เมื่อ 24 เม.ย. ผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลต่อความล่าช้าอย่างมากในการทบทวนข้อร้องเรียนจากผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ตลอดจนการขาดความตระหนักในหมู่ประชาชนและภายในสำนักงานประจำจังหวัดของกระทรวง พม. ผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลต่อความล่าช้าในการทบทวนข้อร้องเรียนจากผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ตลอดจนการขาดความตระหนักในหมู่ประชาชนและภายในสำนักงานประจำจังหวัดของ พม. ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) 5 คน สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ฉบับใหม่ กลับแจกแจงเหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามกฎหมายนี้ไว้ว่า “เพื่อกำหนดมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลเกี่วกับความมั่นคงของรัฐ หรือเป็นความลับของทางราชการ และข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล…”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เดินทางมาประชุม ครม. นัดสุดท้ายของปี 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ครั้งแรก ซักฟอกนายกฯ และรัฐมนตรีรวม 10 คน ระหว่างวันที่ ก.พ. ครั้งที่สอง ซักฟอกนายกฯ และรัฐมนตรีรวม 6 คน ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. กลุ่มที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.